ราชภัฏสุราษฎร์ฯ แถลงข่าวยุบรวม มอ. ย้ำจุดยืน คงไว้ซึ่งจิตวิญญาณรับใช้ท้องถิ่น
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี จัดแถลงข่าวกรณียุบรวมกับ มอ.สุราษฎร์ธานี อธิการบดีชี้ราชภัฏเป็นมหาวิทยาลัยสมบูรณ์แบบในตนเอง ไม่ต้องพึ่งมหาวิทยาลัยอื่น แต่หากรวมกันแล้วช่วยสังคมได้มากขึ้นก็ยินดี ย้ำจุดยืน รวมแล้วต้องคงไว้ซึ่งจิตวิญญาณในการรับใช้ท้องถิ่น
เมื่อวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๔ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี (มรส.) ได้จัดแถลงข่าวกรณีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ เห็นชอบร่างข้อเสนอแนะเชิงนโยบายแนวทางการจัดตั้งมหาวิทยาลัยของรัฐโดยการหลอมรวม ยุบรวมสถาบันอุดมศึกษา ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยหนึ่งในนั้นมีการเสนอให้ยุบรวมมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี กับ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานีด้วย
ผศ.ดร.ณรงค์ พุทธิชีวิน อธิการบดี มรส. กล่าวระหว่างการแถลงข่าวว่า การจะยุบรวมหรือไม่นั้น คำตอบไม่ได้อยู่ที่ มรส. หรือ มอ. แต่อยู่ที่ประชาชน ซึ่งเป็นเจ้าของสถาบันอุดมศึกษาที่แท้จริง มหาวิทยาลัยคงพูดได้เพียงว่า ผลประโยชน์ของประชาชนต้องเป็นคำตอบแรกเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากยุบรวมแล้วต้องเข้าสู่ระบบมหาวิทยาลัยแบบเก่าที่คัดเฉพาะคนเก่งเข้าเรียน มหาวิทยาลัยราชภัฏคงยอมรับไม่ได้ เพราะจุดยืนและแนวทางของราชภัฏคือ การให้โอกาสทางการศึกษาแก่ทุกคนอย่างเต็มที่และเท่าเทียม
“มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี เป็นมหาวิทยาลัยสมบูรณ์แบบในตัวเอง โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพิงมหาวิทยาลัยอื่น เราเป็นดาวฤกษ์ที่มีแสงสว่างในตนเอง โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยแสงสว่างจากดาวดวงอื่น และเราภูมิใจในสิ่งที่เราเป็นเรามี แต่หากการผนึกกับมหาวิทยาลัยอื่นจะทำให้เราเข้มแข็งขึ้น ทำให้มือของเรายาวขึ้น สามารถทำหน้าที่เพื่อท้องถิ่น สังคม และประเทศชาติได้มากขึ้น เราก็ไม่ขัดข้อง แต่ทั้งนี้ต้องหมายความว่า จิตวิญญาณในการรับใช้ท้องถิ่นของมหาวิทยาลัยราชภัฏจะต้องยังคงดำรงอยู่ดังเดิม” อธิการบดี มรส. กล่าว
ด้านนายอยับ ซาดัดคาน ประธานสภานักศึกษา มรส. กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า มติ ครม. ที่ออกมาค่อนข้างกระทบกับความรู้สึกของนักศึกษาทั้งสองสถาบัน และถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่อาจนำไปสู่ความขัดแย้งได้ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของนักศึกษาราชภัฏเห็นตรงกันว่า หากยุบรวมจริง ต้องคงไว้ซึ่งปณิธานของเดิมของราชภัฏในการมุ่งรับใช้ท้องถิ่นตามรอยพระยุคลบาท
“นักศึกษาทั้งสองสถาบันต่างก็รักและหวงแหนในสถาบันของตน และต่างก็มีศักดิ์ศรีที่ไม่ด้อยไปกว่ากัน หากเอาคำว่าศักดิ์ศรีมาต่อสู้แข่งขันกันก็อาจก่อให้เกิดความขัดแย้ง ในทางกลับกันหากเอาคำว่าศักดิ์ศรีของทั้งสองสถาบันมารวมกัน ผนึกกัน คำๆ นี้ก็จะยิ่งใหญ่ขึ้น มีพลังและมีคุณค่าในเชิงสร้างสรรค์ยิ่งขึ้น” นายอยับกล่าว