มรส. ควักเงินกว่า ๔ แสนบาท ช่วยบุคลากรน้ำท่วม อธิการบดีชี้ เป็นเครื่องแสดงการร่วมทุกข์ร่วมสุข
มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ควักเงินกว่า ๔ แสนบาท ช่วยเหลือบุคลากรที่ประสบอุทกภัยคนละไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท อธิการบดีชี้ มูลค่าเงินไม่มากแต่เปี่ยมคุณค่า เพราะเป็นเครื่องแสดงว่า มหาวิทยาลัยพร้อมจะอยู่เคียงข้างบุคลากรทั้งในยามทุกข์และยามสุข
เมื่อวันที่ ๓ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ณ ห้องราชาวดี อาคารบัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี (มรส.) มีพิธีมอบเงินช่วยเหลืออาจารย์ และบุคลากรที่ประสบอุทกภัย โดยมี ผศ.ดร.ณรงค์ พุทธิชีวิน อธิการบดี เป็นประธาน มีผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายจากอุทกภัยเข้าร่วมพิธีจำนวน ๙๙ ราย โดยมี ผศ.โกเมท เทือกสุบรรณ ประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการ และนายชัยณรงค์ พูลสิน นายกสโมสรบุคลากร มรส. เป็นตัวแทนรับมอบเงินจากอธิการบดี สำหรับเงินที่มหาวิทยาลัยอนุมัติเพื่อนำมาช่วยเหลืออาจารย์ และบุคลากรครั้งนี้ รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน ๔๓๐,๕๐๐ บาท โดยผู้ที่ได้รับความเสียหายมากจะได้รับเงินช่วยเหลือ จำนวน ๕,๐๐๐ บาท ที่เหลือลดหลั่นลงมาตามสภาพความเสียหาย
อธิการบดี มรส. กล่าวว่า เมื่อเห็นผู้อื่นเดือดร้อน มหาวิทยาลัยแห่งนี้ไม่เคยละวางที่จะเข้าไปช่วยเหลือ เมื่อคนในท้องถิ่นช่วยเหลือ มหาวิทยาลัยก็ไม่เคยรีรอความช่วยเหลือ ในยามนี้คนในมหาวิทยาลัยเป็นผู้เดือดร้อนเสียเอง มหาวิทยาลัยจะละเลยความช่วยเหลือได้อย่างไร เพราะเราเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน สุขก็สุขด้วยกัน ทุกข์ก็ต้องทุกข์ด้วยกัน มีความห่วงหาอาทรซึ่งกันและกัน
“เงิน ๕,๐๐๐ บาท เป็นเงินเพียงเล็กน้อย และไม่อาจเทียบได้กับความเสียหายที่ได้รับ ซึ่งมหาวิทยาลัยยอมรับว่า คงไม่สามารถช่วยแก้ปัญหาทั้งหมดได้ แต่การมอบเงินช่วยเหลือในครั้งนี้ เพื่อเป็นการบอกให้รู้ว่า เมื่อใดก็ตามที่ชาว มรส. เดือดร้อน มหาวิทยาลัยก็เดือดร้อนด้วย เมื่อใดที่ชาว มรส. ทุกข์ มหาวิทยาลัยก็ทุกข์ด้วย สำหรับมหาวิทยาลัยแห่งนี้ หากดอกไม้จะบานก็ต้องบานพร้อมกัน หากน้ำตาจะไหลก็ต้องไหลพร้อมกัน เงินช่วยเหลือนี้จึงมีคุณค่ามากกว่ามูลค่า และเป็นเครื่องยืนยันว่า เราไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว แต่เรามีเพื่อนร่วมทุกข์” ผศ.ดร.ณรงค์กล่าว
นายนิคม นวลละออง พนักงานจัดการยานพาหนะ หนึ่งในผู้ได้รับเงินช่วยเหลือจากมหาวิทยาลัย กล่าวว่า บ้านของตนอยู่ที่อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี น้ำท่วมสูงถึงหลังคาบ้าน ต้องอาศัยหลับนอนอยู่บนหลังคา ไม่มีไฟฟ้าใช้เป็นเวลา ๒ อาทิตย์เต็มๆ บางวันได้ทานมื้อเช้าในตอนเย็นแล้ว นอกจากนี้ยังต้องคอยระแวดระวังโจรขโมยที่ล่องเรือตระเวนลักเล็กขโมยน้อยอีก ด้วย
“ระหว่างที่ติดอยู่บนหลังคาบ้าน มีอยู่วันหนึ่ง มีเรือนำข้าวมาแจกจ่ายในหมู่บ้านของผม ผมเห็นตราลัญจกรของมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ติดอยู่ที่กล่องข้าว ผมถึงกับน้ำตาไหลด้วยความตื้นตันใจว่า มหาวิทยาลัยไม่เคยทอดทิ้งท้องถิ่น ไม่เคยทอดทิ้งชาวบ้าน และไม่เคยทอดทิ้งคนของมหาวิทยาลัย ผมหันไปบอกเพื่อนบ้านว่า นี่เป็นอาหารจากมหาวิทยาลัยของผม ผมรู้สึกภาคภูมิใจจริงๆ ที่ได้เป็นคนของมหาวิทยาลัยแห่งนี้” นายนิคมกล่าว