ผศ.ดร.ประโยชน์ คุปต์กาญจนากุล รองอธิการบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี (มรส.) กล่าวถึงกรณีรัฐบาลมีนโยบายแจกแท็บเล็ต (One Tablet Per Child) ให้กับเด็กนักเรียนว่า ตนไม่เห็นด้วย เพราะจากผลการวิจัย พบว่า เทคโนโลยีไม่มีผลต่อการสัมฤทธิ์ทางการเรียนของเด็ก แต่ผลอยู่ที่จุดเชื่อมระหว่างครูกับนักเรียนต่างหาก ในทางกลับกัน แท็บเล็ตอาจกลายเป็นอุปสรรคที่ยิ่งถ่างจุดเชื่อมของครูออกจากนักเรียนอีก ด้วย นอกจากนี้เด็กในวัยเพียง ๖-๑๒ ปี อาจไม่สามารถดูแลรักษาได้ อีกทั้งผู้ปกครองอาจต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม

“อีกประการหนึ่ง เทคโนโลยีเหล่านี้อาจกลายเป็นเครื่องบั่นทอนความคิดสร้างสรรค์ หรือการคิดวิเคราะห์ของเด็กได้ ปัจจุบันบรรยากาศการเรียนการสอนในห้องเรียนไทย เด็กก็ต้องการความปลอดภัยในการคิดและการตอบอยู่แล้ว เช่น เมื่อครูตั้งคำถาม นักเรียนคนที่ ๓ จะพยายามตอบให้เหมือนคำตอบของนักเรียนคนที่ ๑ และคนที่ ๒ เพราะเชื่อว่าเป็นคำตอบที่ปลอดภัย ดังนั้นครูต้องสนใจในคำตอบที่ต่างออกไป เพื่อให้กำลังใจเด็กที่รู้จักคิดต่าง โดยไม่ต้องสนใจว่าเป็นคำตอบที่ถูกหรือผิด เพื่อทำให้เกิดการเรียนรู้และเชื่อมโยง หากครูมีคำตอบในใจอยู่แล้วและใช้คำตอบนั้นเป็นบรรทัดฐาน เด็กก็จะไม่กล้าคิดวิเคราะห์ ดังนั้นครูต้อง ไม่มีคำตอบและเรียนรู้จากเด็ก ในกรณีดังที่กล่าวมา หากมีแท็บเล็ตมาเป็นตัวแปรเพิ่มเติม เชื่อว่าจะยิ่งไปบั่นทอนความกล้าที่จะคิดของเด็ก ทำให้เด็กเรียนรู้ที่จะอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่ก่อให้เกิดการเรียนรู้หรือพัฒนา” รองอธิการบดีฯ กล่าว