นศ.มรส ร่วมลงนามถวายพระพรผ่านทางนายนิพนธ์ เอี่ยมสอาด และนางสาวลำใย สท้านเสียง ซึ่งเป็นคนไข้ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ
เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๕๔ ณ ร้านคาเฟ่ อเมซอน สาขาปั๊ม ปตท. กองบิน ๗๑ สุราษฎร์ธานี ถนนสายเอเชีย นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ได้ร่วมลงนามถวายพระพรผ่านทางนายนิพนธ์ เอี่ยมสอาด และนางสาวลำใย สท้านเสียง ซึ่งเป็นคนไข้ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่มีความจงรักภักดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้า สิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ทรงรับไว้เป็นคนไข้ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เพื่อผ่าตัดสายตาต่อไปนั้น จึงมีแนวคิดที่จะตอบแทนพระคุณของแผ่นดินและพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ด้วยการเดินถวายพระพรพร้อมสมุดลงนามถวายพระพรที่จัดทำเอง โดยต้องการให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้ร่วมลงนามในภารกิจครั้งนี้ ซึ่งกำหนดเดินทางจากจังหวัดปทุมธานี ไปจนถึงจังหวัดปัตตานี ใช้เส้นทางถนนสายเอเชีย ๔๐๑ เป็นหลัก
ซึ่งเมื่อนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ทราบข่าวถึงการเดินทางของนายนิพนธ์และนางสาวลำใย มาถึงอำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี จึงมีจิตสาธารณะตามคุณสมบัติพึงประสงค์ของนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏ สุราษฎร์ธานี ที่ ผศ.ดร.ณรงค์ พุทธิชีวิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ตั้งไว้ อีกทั้งนักศึกษาและบุคลากร มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี เป็นคนของพระราชา ข้าของแผ่นดิน จึงเดินทางมาร่วมลงนามถวายพระพร และให้กำลังใจแก่นายนิพนธ์และนางสาวลำใยในครั้งนี้ ซึ่งระหว่างการเดินทางก็มีประชาชนทั่วไป และทหารจากกองบิน ๗๑ สุราษฎร์ธานี มาร่วมลงนามถวายพระพรและให้กำลังอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบางคนก็กล่าวถึงว่า เคยเห็นระหว่างการเดินทาง หรือบางคนก็กล่าวว่า เคยเห็นในข่าวตามสื่อต่างๆ
นางสาวลำใย ผู้พิการทางสายตาสนิททั้ง ๒ ข้าง ตั้งแต่กำเนิด เปิดเผยว่า การเดินทางในครั้งนี้มีความตั้งใจจริงที่จะทำดีถวายพ่อหลวง ที่ทรงพระกรุณาเป็นล้นพ้นที่ได้รับตนเข้าเป็นคนไข้ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ตนจึงอยากทำความดีถวายพ่อหลวง ถวายคุณแผ่นดินบ้าง ซึ่งเดินทางมาจากจังหวัดปทุมธานี ตั้งแต่เมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๕๕๔ จนขณะนี้ เข้าสู่วันที่ ๔๔ ก็เดินทางมาถึง อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี
ด้าน นายนิพนธ์ ซึ่งเป็นผู้มีสายตาปกติ เปิดเผยว่า การเดินทางของตนและภรรยาเป็นไปด้วยความลำบาก แต่ก็ไม่ย่อท้อ เพราะมีความตั้งใจจริง และเดินทางด้วยหัวใจ ไม่ได้ต้องการสิ่งใดนอกจากทำตามสิ่งที่ตั้งใจให้สำเร็จคือ ความต้องการให้ประชาชนร่วมลงนามถวายพระพรให้มากที่สุด โดยเป็นประชาชนตั้งแต่จังหวัดปทุมธานี จนถึงจังหวัดปัตตานี หลังจากนั้นก็จะถึงกำหนดที่นางสาวลำใย จะต้องเข้ารับการผ่าตัดตา แล้วจะนำสมุดที่มีรายชื่อของประชาชนที่ตนเดินทางจากจังหวัดที่กำหนดถวายแด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต่อไป
นายนิพนธ์ กล่าวต่อไปอีกว่า ระหว่างการเดินทางมีหลายคนไม่เชื่อว่า ตนเดินถวายพระพรแด่ในหลวง และไม่เชื่อว่าเดินทางด้วยเท้า บ้างก็พูดจาไม่ดี มีการขับไล่บ้าง เพราะตนเดินทางพร้อมกับภรรยา และมีรถเข็น ๓ ล้อ มีพระบรมฉายาลักษณ์ของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอยู่ด้านหน้ารถเข็น และมีธงชาติไทย และธง ภปร. อยู่ด้านข้าง บ้างก็ถามว่า แก้บนรึปล่าว ต่างนานาไป สิ่งที่ลำบากสำหรับการเดินทาง คือ สภาพของภูมิอากาศ ฝนตกบ้าง แดดออกบ้าง แต่ตนเองก็จัดเตร
ียมสัมภาระที่สำคัญที่ต้องใช้มาพร้อมแล้ว บางครั้งแบตเตอรี่โทรศัพท์หมดก็ไม่มีสถานที่ให้ชาร์จ บางครั้งเดินทางอยู่บนถนนที่ไม่มีห้องน้ำ ไม่มีที่พักชั่วคราวก็ต้องเดินไปเรื่อยๆ อย่างนั้นจนกว่าจะเจอที่พัก ซึ่งระหว่างทางที่เดิน หรือพักที่บริเวณไหนก็จะมีการเขียนสถานที่ เขียนเวลา ณ ที่นั้นๆ ไว้ด้วย พร้อมทั้งเขียนไดอารี่การเดินทางทุกวัน
ในนามของนักประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นคนของพระราชา ข้าของแผ่นดิน ขอฝากไปยังประชาชนที่พบเห็นพี่นิพนธ์และพี่ลำใย ที่ใดในระหว่างการเดินทาง ขอให้เข้าไปร่วมลงนามถวายพระพรกันเยอะๆนะค่ะ เพราะพี่ๆ ทั้งสอง ไม่ได้ต้องการสิ่งใดตอบแทน ไม่มีค่าใช้จ่ายในการลงนาม แต่ทุกคนที่ลงนามต่างรักพ่อหลวงของเราทุกคน เพียงแค่ส่งกำลังใจยื่นไมตรีให้แก่พี่ทั้ง ๒ ที่พิการทางสายตา แต่ก็อดทนเดินเพื่อถวายแด่ในหลวงเพื่อตอบแทนพระคุณที่ทรงรับเป็นคนไข้ในพระ บรมราชินูปถัมภ์แค่นั้นเอง อยากให้ประชาชนที่พี่เขาเดินทางผ่านจังหวัดใดก็เข้าไปลงนามถวายพระพรกัน ใครมีเครือข่ายที่พอจะช่วยได้ก็ช่วยกันลงนามนะค่ะ