อธิการบดี มรส. ชี้ รวมสถาบันอุดมศึกษา ปชช.ได้ประโยชน์ แนะทุกกลไกปรับตัวเป็นน้ำ-ผนึกกำลังเป็น ‘มวลมหาวิทยาลัย’
ตามที่มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๕๔ เห็นชอบร่างข้อเสนอแนะเชิงนโยบายแนวทางการจัดตั้งมหาวิทยาลัยของรัฐ โดยการหลอมรวม ยุบรวมสถาบันอุดมศึกษา ตามที่กระทรวงศึกษาธิการเสนอ โดยหนึ่งในนั้นมีการยุบรวมมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี กับ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานีนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผศ.ดร.ณรงค์ พุทธิชีวิน อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี (มรส.) กล่าวว่า ถือเป็นการผนึกกำลังกันของสถาบันอุดมศึกษา อย่าถามว่ามหาวิทยาลัยจะได้อะไรหรือเสียอะไร แต่ให้มองว่าท้องถิ่น ปริมณฑล ภูมิภาคและประเทศชาติจะได้รับประโยชน์อะไร ซึ่งการที่มหาวิทยาลัยรวมพันธกิจ หน้าที่ ทรัพยากร วิชาการและองค์ความรู้เข้าด้วยกันนั้น จะทำให้มหาวิทยาลัยมีความเข้มแข็งมากขึ้น และผู้ที่จะได้รับประโยชน์โภชผลจากการนี้โดยตรงก็คือ ประชาชน ท้องถิ่นและทุกภาคส่วน
อธิการบดี มรส. กล่าวต่อไปว่า ตนสนใจไม่มากนักว่าใครจะได้อะไร หรือใครจะเสียอะไร และคิดว่าทุกภาคส่วนที่ทำงานเพื่อส่วนรวมเพื่อประเทศชาติก็ไม่ควรสนใจเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เพราะสิ่งที่ทุกคนควรให้ความสนใจเป็นพิเศษก็คือ การหลอมรวมหรือยุบรวมสถาบันอุดมศึกษาในครั้งนี้ ต้องสามารถตอบสนองความต้องการของท้องถิ่นได้อย่างตรงจุดมากขึ้น ภายใต้คุณภาพและมาตรฐานทางการศึกษาอย่างที่ควรจะเป็น
“หัวใจของการหลอมรวมหรือยุบรวมสถาบันอุดมศึกษาในครั้งนี้ คือ ทุกกลไกต้องปรับตัวให้กลายเป็นน้ำ เพื่อให้สามารถหลอมรวมกันได้อย่างแนบสนิทเป็นเนื้อเดียว กลายเป็นมวลน้ำที่ทรงพลัง กลายเป็นมวลความรู้หรือมวลมหาวิทยาลัยที่มีพลังมหาศาล สามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการศึกษาครั้งใหญ่ได้ ในทางกลับกัน หากกลไกบางส่วนเป็นน้ำ บางส่วนเป็นน้ำมัน บางส่วนเป็นไม้ กลไกทั้งหมดก็จะแยกกันเป็นส่วนๆ ไม่สามารถหลอมรวมและก่อเกิดพลังได้ การเปลี่ยนแปลงและพัฒนาที่ควรจะเป็นก็ย่อมไม่ปรากฏ” ผศ.ดร.ณรงค์กล่าวทิ้งท้าย